เมื่อท่านต้องเป็นพระกฤษณะ
เนื่องในวาระครบ ๕ รอบ สิริอายุครบ ๖๐ ปี ของท่านครูบากฤษณะ อินทวัณโณ ในวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๕๗
ผมขอนำเกล็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ยินมาเกี่ยวประวัติบางช่วงบางตอนของท่านมาเผยแพร่เพื่อเป็นอนุสรณ์ โดยเฉพาะเรื่องราวที่พิศดารที่เกิดขึ้นกับท่านครูบา ฯ เมื่อคราวที่ท่านเดินธุดงค์อยู่ตามป่าเขา ถ้ำลึก หน้าผาสูงชัน
จึงมีเรื่องมากมายที่ท่านครูบา ฯ ได้ประสพพบเจอกับตัวท่านเอง ดังเช่น.:- เรื่องที่ผมได้เล่าไปบ้างแล้ว เป็นต้น
วันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวที่พิสดาร มหัศจรรย์พันลึก ลี้ลับ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เป็นยิ่งนัก
เรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้คือเรื่อง... “ เมื่อท่านต้องเป็นพระกฤษณะ ”
เรื่อง “ เมื่อท่านต้องเป็นพระกฤษณะ” เป็นเรื่องที่ก่อนท่านครูบา ฯ จะมาเป็นที่พึ่งของชาวโลก มีเรื่องราวอีกมากมาย กว่าจะมาเป็นครูบากฤษณะ เป็นพระเกจิ ที่มีแต่ความเมตตาเป็นที่ตั้ง
เรื่องที่ท่านต้องมาเป็นครูบากฤษณะ เริ่มต้นที่ถ้ำใหญ่ กลางป่าดงดิบแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ที่เป็นถ้ำอันศักสิทธิ์ ที่พระธุดงค์และคนธรรมดาเข้าไปแล้วยากที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้
ผมเริ่มเล่าเลยนะครับ...
เรื่องนี้ผมได้รับฟังมาจากคุณลือชา เลิศล้ำ เจ้าของกิจการลือชาคาร์แคร์ ( น้องชาย ) ซึ่งสมัยบวชเป็นพระได้ไปเป็นลูกศิษย์ท่านครูบา ฯ และ ได้มีโอกาสเดินธุดงค์ติดตามไปกับท่านครูบา ฯ อยู่หลายปีครับ
คุณลือชาเล่าให้ผมฟังว่า...หลังจากที่ท่านครูบา ฯ อุปสมบทได้หลายพรรษาแล้ว การเดินธุดงค์ของท่านได้แยกกันกับพระสหธรรมมิก ซึ่งแยกย้ายกันไปประจำอยู่ตามวัดต่าง ๆ บ้าง ตั้งสำหนักใหม่ขึ้นมาเองบ้าง ตามจริตนิสัยและวาสนาบารมีของแต่ละท่าน บางท่านก็ลาสิกขาบทไปก็มี จึงเหลือแต่ท่านครูบา ฯ องค์เดี่ยวที่ยังธุดงค์จาริกไปตามป่าเขา
ท่านครูบา ฯ จะไม่อยู่ประจำตามวัด หรือ สำนักต่าง ๆ ยกเว้นช่วงที่ท่านถูกนิมนต์ให้มาช่วยในงานเข้าปริวาสของวัด หรือ สำนักต่าง ๆ จัดขึ้นเท่านั้น ซึ่งแม้แต่ช่วงเวลาที่มาช่วยงานเข้าปริวาส ได้เวลาพักผ่อนท่านก็จะปลีกตัวไปปักกลดตามป่าที่อยู่ห่างออกไปจากบริเวณวัดหรือสำนักที่จัดปริวาส ทุกคราวไป
มีอยู่ปีหนึ่งท่านครูบา ฯ ได้เดินธุดงค์ไปที่ภูเขาลูกหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ( ถ้าผู้เล่าจำไม่ผิดนะครับ ) ซึ่งท่านทราบว่ามีถ้ำใหญ่สวยงามอยู่บนเขาลูกนั้น ที่ถ้ำแห่งนี้น่าใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมเหมาะแก่การเจริญภาวณาเป็นอย่างยิ่ง
ท่านจึงได้เดินธุดงค์มุ่งตรงสู่ภูเขาลูกนั้น และตรงไปหาถ้ำดังกล่าว และได้เข้าไปปลักกลดภายในถ้ำนั้นเพื่อทำการเจริญภาณาตามความตั้งใจอันแรงกล้าของท่าน
ข่าวการมีพระธุดงค์จะมาพักเพื่อเจริญภาวณาภายในถ้ำล่วงรู้ไปถึงช่าวบ้านที่อยู่ใกล้ภูเขาลูกดังกล่าว
ชาวบ้านต่างพากันเดินขึ้นเขาตรงไปที่ปากถ้ำ เมื่อไปพบกับท่านครูบา ฯ ต่างพากันทั้งบอกทั้งห้ามไม่ให้ท่านครูบา ฯ เข้าไปพักภายในถ้ำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
ชาวบ้านต่างพากันบอกท่านว่า เคยมีพระเข้าไปอยู่ภายในถ้ำนี้แล้วหลายองค์ แต่ละองค์ไม่เคยได้กลับออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นหน้าอีกเลย
แม้ได้ฟังอย่างนั้นท่านครูบา ฯ ก็ยังยืนยันที่จะเข้าไปเจริญภาวณาภายในถ้ำให้จงได้ พวกชาวบ้านก็พยายาขัดขวางไม่ยอมให้ท่านเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ท่านครูบา ฯ ไม่ต้องการจะขัดใจกับชาวบ้าน จึงยินยอมทำตามที่พวกชาวบ้านทั้งบอกทั้งห้ามอย่างไม่ยอมลดละแต่โดยดี
แต่ท่านขอปลักกลดพักอยู่ที่หน้าปากทางเข้าถ้ำแทน ซึ่งชาวบ้านก็ยินยอมตามความประสงค์ของท่าน แล้วพากลับลงจากเขากลับบ้านไป
เรื่องยังไม่ยุติเพียงแค่นั้นนะครับ ใกล้ค่ำได้มีพระชรารูปหนึ่งเดินออกมาจากถ้ำ เดินตรงมาที่ท่านครูบา ฯ ปักกลดอยู่
พระชรารูปนั้นได้บอกให้ท่านครูบา ฯ ลงไปจากเขาภายในก่อนค่ำนั้นทันที โดยบอกกับท่านครูบา ฯ ว่ามันมีอันตรายมาก มีภูติผีปีศาจที่จะมาทำร้ายท่านถ้ายังขืนที่จะพักอยู่ตรงนั้น
ท่านครูบา ฯ ก็ไม่ยอมลงไปจากปากถ้ำตามที่พระชรารูปนั้นบอก ท่านยังยืนยันที่จะปักกลดเจริญภาวณาอยู่ตรงปากถ้ำนั้นต่อไปให้ได้
พระชราเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวของท่านครูบา ฯ และคงเห็นและมั่นใจว่าพูดอย่างไร บอกอย่างไร ไล่อย่างไร ท่านครูบา ฯ ก็ไม่คงยอมถอยแน่นอน
เมื่อเห็นเช่นนั้น พระชราจึงยอมแพ้และเอ่ยปากบอกให้ท่านครูบา ฯ เก็บกลดแล้วให้เดินตามท่านเข้าไปภายในถ้ำด้วยกัน
ท่านครูบา ฯ รีบเก็บกลดเก็บอุปกรณ์แล้วเดินตามพระชราเข้าไปภายในถ้ำทันที ท่านได้พบว่าภายในถ้ำนั้นกว้างขวาง ใหญโต และสวยงามมาก เดินเข้าไปได้สักพักหนึ่งก็ได้พบกับหมู่สามเณรน้อยหลายรูปกำลังนั้งสวดมนต์อยู่ในห้องโถงของถ้ำ พระชราพาท่านเดินผ่านห้องโถงที่หมู่เณรน้อยนั้นสวดมนต์อยู่ เข้าไปในถ้ำลึกเข้าไปอีกไกลโขอยู่
กระทั้งเดินไปถึงบริเวณที่เห็นเป็นห้องโถงใหญ่โตมากอีกห้องหนึ่ง ดูสะอาดสะอ้าน น่าอยู่น่าอาศัย เหมาะแก่การเจริญภาวณา ทำวิปัสนากรรมฐาน เป็นอย่างยิ่ง มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง มีธูปเทียนพร้อมกระถางธูปใบเขื่องและเชิงเทียนวางอยู่พร้อม เหมือนเตรียมไว้สำหรับให้ผู้ที่เข้ามาถึงห้องนี้ได้ใช้จุดบูชาได้เลยทันที
พระชราบอกให้ท่านครูบา ฯ พักอยู่ที่ห้องโถงนั้น และจะทำอะไรก็เชิญทำตามสะบาย
แล้วพระชรารูปนั้นก็เดินหายจากไปภายในถ้ำที่มีทางลึกสามารถเดินเข้าไปข้างในได้อีก
ท่านครูบา ฯ นั่งพักพอหายเหนื่อย ท่านจึงล้วงไฟแช๊คออกมาจากย่าม แล้วทำการจุดธูปจุดเทียน เพื่อบูชาและเคารพกราบไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องโถงดังกล่าว
เริ่มแล้วครับ...เริ่มมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านครูบา ฯ แล้วครับ
พอท่านครูบา ฯ จุดธูปเสร็จยกขึ้นพนมมือกล่าวคำไหว้พระจบ ท่านยื่นมือที่ถือธูปอยู่ไปที่กระถางธูป เพื่อปักธูปลงไป
ทันใดนั้นเองกระถางธูปใบเขื่องที่วางอยู่นั้นก็เคลื่อนที่เลื่อนหนีออกไป ท่านนึกว่าท่านเหนื่อยจนตาฝาดไปกระมัง
ท่านยื่นมือที่ถือธูปอยู่ออกไปเพื่อปักธูปอีกครั้งหนึ่ง กระถางธูปใบเขื่องใบนั้นก็เคลื่อนเลื่อนหนีออกไปอีก ท่านชักมั่นใจว่าท่านคงโดนเข้าแล้วหละ
จนกระทั้งครั้งที่สามท่านจึงสามารถปักธูปลงในกระถางธูปใบเขื่องนั้นได้
ท่านก้มลงกราบสามครั้ง ตามธรรมเนียม
ยังครับ...เรื่องยังไม่จบง่าย ๆ เพียงเท่านั้นนะครับ
พอท่านก้มกราบลงสามครั้ง ครบแล้วท่านได้นั่งเพ่งมองไปที่ใบหน้าพระพุทธรูป
พลัน...มีเสียงพูดออกมาจากองค์พระพุทธรูปว่า “. กฤษณะ มาแล้วรึ ”
งง งงสิครับ ท่านครูบา ฯ ถึงกับตกตลึง งงไปพักหนึ่ง
พลัน...มีเสียงพูดออกมาจากองค์พระพุทธรูปต่ออีกว่า “ เออ ท่านมาก็ดีแล้ว ในถ้ำนี้มีสมบัติ เพชร นิล จินดา ทองคำ มากมาย ล้วนเป็นสมบัติของท่านทั้งสิ้น ท่านจงขนเอาไปซะ เพราะมันเป็นของท่านทั้งหมดอยู่แล้ว จะได้เอาไปใช้เป็นประโยชน์สำหรับตัวท่านเองและพี่น้องครอบครัวท่าน ”
เสียงพูดนั้นจบลง ท่านครูบา ฯ เริ่มตั้งสติได้ จึงกล่าวตอบไปว่า “ ไม่หรอกครับ ผมไม่ต้องการสมบัติเหล่านั้นหรอกครับ ”
มีเสียงพูดออกมาจากองค์พระพุทธรูปอีก ฟังดูท่าทางแข็งขันจริงจังว่า “ ท่านกฤษณะ ท่านจงเอาสมบัติเหล่านี้ไปเถิด เพราะมันเป็นของท่านทั้งหมดจริง ๆ ”
ท่านครูบา ฯ ก็ยังยืนยันคำเดิม และได้ตอบไปว่า “ ไม่หรอกครับ ผมไม่ต้องการสมบัติเหล่านั้นหรอกครับ ผมไม่ต้องการจริง ๆ แม้จะเป็นของผม ๆ ก็ไม่ต้องการ ”
เสียงพูดออกมาจากองค์พระพุทธรูปก็ดังออกมาอีกเพิ่มความขึงขังเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้นว่า “ ท่านกฤษณะ ท่านต้องขนสมบัติเหล่านี้เอาไปให้หมด ขนเอาไปให้หมดเลยนะ เข้าใจไหม๊ ท่านกฤษณะ ”
ท่านครูบา ฯ จึงค่อย ๆ พูดอธิบายความมุ่งมั่นและตั้งใจของท่านที่เดินทางมาพัก ณ.ที่ถ้ำแห่งนี้ให้เจ้าของเสียงนั้นได้ฟังว่า “ ผมมาที่นี้เพื่อมาเจริญภาวณา หาที่อันสงบเหมาะแกการทำวิปัสนากรรมฐาน เพื่อแสวงหาโมกขธรรม เผื่อว่าผมจักได้เห็นหนทางแห่งความหลุดพ้นเหมือนดั่งพระบรมศาสดาที่ผมเคารพนับถือ และนำเอาพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดามาปฏิบัติอย่างเอาเป็นเอาตายมาหลายปีแล้ว ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะผมต้องการสมบัติเหล่านั้นหรอกครับ อย่าบังคับผมเลย ถึงอย่างไรผมก็ไม่ขอรับเอาสมบัติเหล่านั้นมาเป็นของผมอย่างเด็ดขาด และจะยังไม่กลับออกไปจากถ้ำนี้ จนกว่าผมจะได้เจริญภาวณา ทำวิปัสนากรรมฐาน ตามที่ผมได้ตั้งใจมา ขอให้ท่านโปรดได้เข้าใจเจตนาของผมด้วย ”
ภายในห้องโถงใหญ่เงียบไปพักหนึ่ง
เสียงพูดออกมาจากองค์พระพุทธรูปก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เปลี่ยนไป เนุ่มนวลขึ้น เสียงนั้นกล่าวว่า “ เออ ถ้าอย่างนั้นท่านจงทำตามที่ท่านตั้งใจเถิด ท่านปราถนาไว้อย่างไรก็จงให้ได้ในสิ่งที่ท่านปรารถนานั้นเถิดนะท่านกฤษณะ ”
และกล่าวต่อไปอย่างนุ่มนวลและเยือกเย็นว่า “ เมื่อท่านกลับลงไปจากถ้ำนี้แล้ว ท่านจงกลับไปเป็นพระกฤษณะ ที่คอยให้ความเมตตาช่วยเหลือชาวบ้าน ให้ได้พบความสุข ความสบาย เถิด ”
เสียงพูดที่ออกมาจากองค์พระพุทธรูปก็เงียบหายไป และไม่ได้ยินเสียงพูดใดออกมาจากองค์พระพุทธรูปอีกเลย
ท่านครูบา ฯ อยู่ปฏิบัติธรรมเจริญภาวณาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานภายในห้องโถงต่อหน้าพระพุทธรูปสักศิทธิ์องค์นั้นต่อไปจนครบ ๗ วันพอดี
ท่านจึงได้เก็บอุปกรณ์ของท่าน พร้อมกับจุดธูปจุดเทียน บูชา ยกมือพนมก้มลงกราบลาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์นั้น โดยไม่ได้หยิบเอาสมบัติสิ่งของที่มีค่าใด ๆ ติดตัวมาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
ในเวลาต่อมาท่านได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวท่านในครั้งนี้ให้หมู่พระลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังโดยละเอียดละออ
ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ท่านได้ไปประสพพบมา และเป็นประสพการณ์ที่สำคัญครั้งหนึ่งของการออกธุดงค์มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อแสวงหาโมกขธรรม ตามที่ท่านมุ่งมั่นและตั้งใจ
นับตั้งแต่นั้นมา พระลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดท่าน จากที่เคยเรียกท่านว่า “ พระอาจารย์สุรเดช ” ก็พร้อมใจพากันเรียกขานชื่อท่านใหม่ว่า “ ท่านครูบากฤษณะ ”
และเรียกขานท่านว่า “ ท่านครูบากฤษณะ ”
จวบจนกระทั้งปัจจุบัน
ที่มาของชื่อ “ ท่านครูบากฤษณะ ” ก็ขอจบลงเพียงแค่นี้นะครับ
ต้องขอขอบคุณ คุณลือชา เลิศล้ำ เจ้าของกิจการลือชาคาร์แคร์ ที่กรุณานำเรื่องดี ๆ ของท่านครูบา ฯ มาเล่าสู่กันฟัง สาธุ.
๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ชมรมศิษย์ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ
ติดต่อ เฮียกิตติ
081 813 1935
Email : bantanthai@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น