วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์

 ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์

เนื่องในวาระครบ ๕ รอบ สิริอายุครบ ๖๐ ปี ของท่านครูบากฤษณะ อินทวัณโณ ในวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๕๗

ผมขอนำเกล็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ยินมาเกี่ยวประวัติบางช่วงบางตอนของท่านมาเผยแพร่เพื่อเป็นอนุสรณ์ โดยเฉพาะเรื่องราวที่พิศดารที่เกิดขึ้นกับท่านครูบา ฯ เมื่อคราวที่ท่านเดินธุดงค์อยู่ตามป่าเขา ถ้ำลึก หน้าผาสูงชัน

จึงมีเรื่องมากมายที่ท่านครูบา ฯ ได้ประสพพบเจอกับตัวท่านเอง ดังเช่น.:- เรื่องที่ผมได้เล่าไปบ้างแล้ว เป็นต้น

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวที่พิสดาร มหัศจรรย์พันลึก ลี้ลับ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เป็นยิ่งนัก

เรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้คือเรื่อง... “ ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์
” เรื่องราวจะเป็นเช่นไร พิศดาร มากน้อยแค่ไหน โปรดติดตาม

เรื่องนี้ผมได้รับฟังมาจากคุณลือชา เลิศล้ำ เจ้าของกิจการลือชาคาร์แคร์ ( น้องชาย ) ซึ่งสมัยบวชเป็นพระได้ไปเป็นลูกศิษย์ท่านครูบา ฯ และ ได้มีโอกาสเดินธุดงค์ติดตามไปกับท่านครูบา ฯ อยู่หลายปีครับ

คุณลือชาเล่าให้ผมฟังว่า...หลังจากที่ท่านครูบา ฯ อุปสมบทได้หลายพรรษาแล้ว การเดินธุดงค์ของท่านได้แยกกันกับพระสหธรรมมิก ซึ่งแยกย้ายกันไปประจำอยู่ตามวัดต่าง ๆ บ้าง ตั้งสำหนักใหม่ขึ้นมาเองบ้าง ตามจริตนิสัยและวาสนาบารมีของแต่ละท่าน บางท่านก็ลาสิกขาบทไปก็มี จึงเหลือแต่ท่านครูบา ฯ องค์เดี่ยวที่ยังธุดงค์จาริกไปตามป่าเขา

มีอยู่ปีหนึ่งท่านครูบา ฯ ได้เดินธุดงค์เพื่อไปปฏิบํติธรรม ทำสมาธิเจริญภาณา ในป่าเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

เมื่อคราวที่ท่านครูบา ฯ ได้แยกออกมาเดินธุดงค์แต่เพียงลำพังเพียงองค์เดียว จะมีก็แต่พรานป่าผู้ชำนาญทางคู่ใจ ( พรานสนั่น ขณะนี้ได้บวชเป็นพระ จำพรรษาอยู่ที่วัดป่ามหาวัน อ. ครบุรี ) เท่านั้นที่คอยติดตามเพื่อบอกเส้นทางที่ท่านจะเดินธุดงค์ไปในป่าเทือกเขาใหญ่

ครั้งนี้การเดินธุดงค์ของท่านไม่เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ผ่าน คราวนี้ท่านออกเดินธุดงค์แต่เพียงลำพังเพียงองค์เดียวโดยแท้จริง ไม่มีพรานสนั่นคอยติดตามเหมือนเช่นทุกครั้ง

ท่านสะพายย่ามแบกกลดเพื่อเดินธุดงค์ขึ้นเขาใหญ่ทางด้านหมู่บ้านหมูสี ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เดินลัดเลาะไปตามป่า ตามเขาสูงชันสลับซับซ้อนหลายลูก เป็นเส้นทางที่ต้องผ่านทั้งป่าใหญ่และภูเขาสูงชันและมีสัตว์ป่านานาชนิดชุกชุม

ท่านครูบา ฯ ได้เดินธุดงค์เข้าไปในกลางป่าเขาใหญ่ โดยใช้เวลาไม่นานนัก เมื่อถึงที่บริเวณที่เห็นว่าเหมาะสมปลอดภัยจากสัตว์ป่าที่จะมารบกวน เหมาะแก่การทำสมาธิเจริญภาวณา

ท่านครูบา ฯจัดการปักกลดกำหสดอาณาบริเวณที่จะหยุดพักเพื้อทำสมาธิเจริญภาวณา ตามวิธีปฏิบัติของท่านในทุก ๆ ครั้งที่ท่านเดินธุดงค์ไปตามป่าเขา การทำสมาธิเจริญภาณาธรรมของท่านดำเนินไปด้วยความราบรื่น จนครบกำหนดเลาที่ท่านได้ตั้งปณิธานเอาไว้

ท่านจึงได้เก็บสัมภาระในการเดินธุดงค์ เก็บกวาดบริเวณสถานที่ ๆ ท่านปักกลดจนสะอาดเรียบร้อย

ท่านครูบา ฯ ได้ออกเดินทางเข้าไปในป่าอันรกทึบ ข้ามขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนหลายลูก ข้ามลำธารน้อยใหญหลายสาย เพื่อเดินผ่านเทือกเขาใหญ่ไปลงทางฝั่งจังหวัดปราจีนบุรี เป้าหมายปลายทางคือน้ำตกตะคร้อ เขต อ.ประจันตะคาม จ.ปราจีนบุรี เพื่อไปที่วัดขิงกระชาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตกตะคร้อมากนัก แวะเยี่ยมพระสหธรรมมิกที่สนิทสนมอีกท่านหนึ่ง คือ พระอาจารย์ถวิล ( มรณภาพแล้ว )

ท่านเดินธุดงค์เข้าไปในป่าทึบ มีแต่ต้นไม้ใหญ่มากมายปลกคุม มองแทบไม่เห็นแสงตะวัน

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับท่านครูบา ฯ ปรากฏว่าท่านจำเส้นทางที่จะเดิน ทางต่อไปไม่ได้ ท่านหลงป่าชนิดมืดแปดด้าน เดินไปทางไหนก็มีแต่ป่า ป่า และ ป่า มีแต่ต้นไม้ใหญ่ขวางหน้า หันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้

ท่านครูบา ฯ เดินหลงป่าหาทางออกจากป่าแห่งนั้นหลายวัน จนหมดเรี่ยวหมดแรง หน้ามืดเป็นลมไปก็หลายครั้ง พยายามหาทางออกอย่างไรก็หาไม่เจอ จนกระทั้งท่านหมดแรงเพราะขาดน้ำขาดอาหารมาหลายวัน

ด้วยความอ่อนระโหยโรยแรงจนแทบจะสิ้นลมหายใจ ท่านจึงได้นั่งลงเหมือนจะปลงสังขารและรำพึงกับตัวท่านเองว่า... “ คราวนี้เราคงไม่รอดแล้ว เราคงหลงป่าหาทางออกไม่ได้แน่แล้ว และเราคงตาย ณ. ที่ตรงนี้เป็นแน่ ”

แล้วท่านก็ค่อย ๆ หลับตา ทำสมาธิเจริญภาวณา เตรียมจะละสังขาร

ทันใดนั้นเอง...ด้วยสายตาที่พร่าม้วของคนที่กำลังจะสิ้นลม ท่านได้เห็นดอกไม้ดอกใหญ่ ปรากฏขึ้นตรงหน้าที่ท่านนั่งอยู่ เป็นดอกไม้สีขาว กลีบดอกใหญ่ซ้อนทับเรียงกันหลายชั้น มีกลิ่นหอมเย็น ชื่นใจ

ท่านจำได้ว่ามันคือดอกมณฑาทิพย์ ซึ่งท่านเคยศึกษาค้นคว้ามาจากพระไตรปิฏก ในสมัยพุทธกาลเรียกว่าดอกไม้ทิพย์จากสวรรค์

ท่านหยิบดอกไม้นั้นขี้นมาทดลองดมดู ( จำไม่ได้ว่าท่านได้อธิษฐานอะไรในใจท่านหรือเปล่า )

ท่านจำได้ว่า...ท่านมีความรู้สึกเหมือนได้สูดดมดอกมณฑาทิพย์ มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ สมกับเป็นดอกไม้แห่งสวรรค์จริง ๆ

หลังจากที่ท่านครูบา ฯ ได้ดมดอกไม้นั้นแล้ว อาการเหน็ดเหนื่อยที่แทบจะสิ้นใจก็หายเป็นปลิดทิ้ง สายตาที่พร่าม้วก็หายมองเห็นได้เป็นปกติ เรี่ยวแรงที่หายไปก็กลับคืนมา สมองที่อยู่ในอาการมึนงงก็กลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง นึกคิดอะไรก็ออก มองอะไรก็เห็น มองไปทางไหนก็มีแต่ความสว่างไสว นึกหาทางออกจากป่าที่รกทึบแห่งนั้นได้ มองหาทางออกจากป่าที่รกทึบแห่งนั้นเห็น เป็นที่น่าอัศจรรย์

เมื่อทุกอย่างกลับคืนมาเป็นปกติ ท่านครูบา ฯ ได้เริ่มต้นออกเดินธุดงค์จากป่าแห่งนั้น และเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่ต้องผ่านป่าหลายแห่ง ข้ามภูเขาสูงสลับซับซ้อนหลายลูก ข้ามลำธารที่อยู่ท่ามกลางเขาใหญ่ ( ใสใหญ่ ใสน้อย ซึ่งเป็นลำธารที่ใหญ่มาก ไหลผ่านกลางเขาใหญ่ ลงสู่พื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และ จ.นครนายก )

ท่านครูบา ฯ เดินธุดงค์ ถึงน้ำตกตะคร้อ และมุ่งตรงไปวัดขิงกระชาย แวะเยี่ยมเยือนพระอาจารย์ถวิล โดยสวัสดิภาพ.

ที่ผมนำเรื่อง “ ดอกไม้ทิพย์แห่งสวรรค์ ” มาเล่าในวันนี้ก็ดี หรือเรื่องอื่น ๆ ที่เล่ามาก่อนนี้ก็ดี และยังมีเรื่องที่จะเล่าอีกมากมายหลายเรื่องต่อไป

ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ท่านครูบา ฯ คือผู้วิเศษ ได้ธรรมอันวิเศษเหนือผู้อื่น ที่สามารถแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ นา ๆ ได้ แต่ประการใด

แต่...ผมต้องการสื่อออกไปให้โลกรู้ว่า กว่าท่านจะมาเป็น “ ครูบากฤษณะ ” ในเวลานี้ กว่าท่านจะมาเป็นพระเกจิ ที่มีผู้คนเคารพศรัทธามากมายทั้งในและต่างประเทศ อย่างเช่นปัจจุบันนี้

ท่านได้ใช้ความวิริยะ อุตสาห์ เพียรพยายาม มากมายปานใด เพื่อแสวงหาธรรม เพื่อไปให้ถึงแดนแห่งโมกขธรรม ตามที่ท่านมุ่งหวังเอาไว้ตั้งแต่แรกออกอุปสมบท

เราท่านทั้งหลายจึงได้เห็น ได้สัมผัส ได้รับความเมตตาจากท่าน อย่างที่เราท่านทั้งหลายได้รับอยู่ในปัจจุบันกาลนี้แหละครับ สาธุ
 
 
๙๙๙๙๙๙๙๙๙

ชมรมศิษย์ครูบากฤษณะ อินทวัณโณ
ติดต่อ เฮียกิตติ
081 813 1935
Email : bantanthai@gmail.com
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น